เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒ ม.ค. ๒๕๕๑

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒ มกราคม ๒๕๕๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เวลาคิดคิดว่าจะปล่อยตามเรื่องเลยล่ะ แต่มันปล่อยไม่ได้หรอก วุฒิภาวะมันไม่เหมือนกันไง วุฒิภาวะไม่เหมือนกัน ไม่มีจุดยืน ไม่มีจุดยืนมันบริหารไม่ได้ บริหารแล้วมันก็ผิดไง

เวลาอยู่กับครูบาอาจารย์ท่านพูดเลยนะ เวลาไม่ใช้ปัญญา ท่านบอกเลยว่าเอาหัวเดินต่างเท้า เวลาเดินไปต้องเอาหัวเดินต่างเท้าเลย คือว่าไม่ใช้ปัญญาหัวคิดกัน มันทำงานไปตามแต่หน้าที่มันไม่ใช้หัวคิดนะ แต่ถ้าใช้หัวคิดปั๊บมันก็จะเห็น ทุกคนนะเวลาเราไปเที่ยว พระที่รู้จักกันนะ เขาจะให้สอนลูกๆ เขาว่าให้มีเชาว์ปัญญา นี่เวลาโลกคิดเขาคิดอย่างนั้นนะ

แต่เวลาถ้าเราคิดไปโดยธรรมมันเป็นไปได้ยาก มันเป็นไปได้ยากเพราะอะไร เพราะมันเป็นเรื่องของการสะสมมา การทำมา เชาว์ปัญญาของคนนะทำมา ดูสิพระอรหันต์แต่ละชนิดยังไม่เหมือนกันเลย เป็นพระอรหันต์เหมือนกันปัญญาก็ไม่เหมือนกัน แต่ปัญญาฆ่ากิเลสได้

แต่ปัญญานี่ ปฏิภาณไหวพริบ มันมีปฏิสัมภิทา แตกฉานในธรรม แตกฉานในธรรมนี่แสดงธรรมได้ชัดเจนมากเลย บรรลุธรรมเหมือนกันแต่ไม่แตกฉานในธรรม เห็นไหม เอตทัคคะยังมีไม่เหมือนกันเลย สิ่งที่เหมือนกันแต่เราเข้าใจกันเองว่าควรจะเป็นอย่างนั้น ควรจะเป็นอย่างนั้น แล้วจะฝึกฝนให้เป็นอย่างนั้น

สิ่งแวดล้อมมีส่วนช่วยได้มากเลย แต่เรื่องของแกนหลักเลยคือหัวใจของเขา หัวใจของเขาเขาสร้างสมอย่างไรมา มันจะเป็นจะเป็นแกนอย่างนั้นนะ แต่มันก็อาศัยกันเห็นไหม กรรมเก่า กรรมใหม่ ถ้าใช้แต่กรรมเก่าทั้งหมด กรรมนะบันดาลให้ชีวิตเราเป็นอย่างนั้นไปเลย ถ้ากรรมบันดาลชีวิตให้เราเป็นอย่างนั้นไปเลย เราไม่ต้องทำอะไรหรอก เรานอนเฉยๆ กรรมมันจะบันดาลไปเลยนะ มันเป็นไปไม่ได้หรอก กรรมเก่ามันก็มีมา กรรมเก่ามันมีมาเป็นจริตเป็นนิสัย เป็นข้อมูลของใจอันนั้น

กรรมใหม่คือสิ่งแวดล้อม คือสิ่งที่เป็นปัจจุบันนี่ อันนี้กรรมใหม่ กรรมใหม่อันนี้มันจะทำให้เราพัฒนาไป ไม่อย่างนั้นถ้าคนเกิดมากรรมตายตัวนะ เกิดเป็นพระอรหันต์ไม่ได้หรอก เกิดมามีกรรมมาแล้วมันจะล้างกรรมได้ยังไง เพราะล้างหมดนะ พระอรหันต์นี่ล้างหมดเลย ล้างพวกนี้หมดเลย ถ้ามีเศษเหลืออยู่ก็แบบพระโมคคัลลานะ พระโมคคัลลานะเวลามีเศษเหลืออยู่ เห็นไหม ดูสิ เป็นพระอรหันต์เลยนะให้เขาทุบตาย นี่เหาะหนีตั้ง ๓ หนนะ นี่ฤทธิ์มันมีมากเพราะสิ้นกิเลสแล้วเหาะได้ แต่มันเป็นเพราะเหตุใด เอ๊ะ! เหาะหนีถึง ๓ หน มากำหนดจิตดูย้อนอดีตไป อ้อ! เป็นกรรมเก่า กรรมเก่ามันตามมาถึงร่างกายได้

สอุปาทิเสสนิพพาน พระอรหันต์ที่ยังมีเศษส่วนอยู่ เศษส่วนคือร่างกายกับความคิด ความคิดนะ เพราะความคิดเป็นขันธ์ ๕ ความคิดกับร่างกายนี่มันเป็นเศษ ถ้าความคิดของพระอรหันต์เป็นความคิดที่สะอาด ความคิดของเราเป็นขันธมาร เป็นความคิดโดยมาร เพราะอะไร เพราะอวิชชามันครอบคลุมตัวพลังงานคือตัวจิต ตัวจิตคือตัวพลังงานไม่ใช่ความคิด ความคิดไม่ใช่ตัวจิต ขันธ์ ๕ ไม่ใช่จิต จิตไม่ใช่ขันธ์ ๕

อันนี้พอจิตมันสะอาดไปแล้ว ความคิดมันก็มีอยู่คือว่าเป็นเศษส่วน เป็นภาระที่รับผิดชอบที่บริหารกันไป พระอรหันต์ที่มีชีวิตถึงเทศนาว่าการออกจากใจที่เป็นธรรม แต่พระอรหันต์ที่ตายไปแล้วนี่ เห็นไหม ละทิ้งขันธ์ ๕ ละทิ้งร่างกายไป จิตนี้บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ตั้งแต่บรรลุธรรมแล้ว เห็นไหม นี่พอละทิ้งไป ถ้าพระอรหันต์ที่ยังมีชีวิตอยู่ เรามีโอกาส มีวาสนาตรงนี้ เพราะอะไร เพราะธรรมะที่แท้จริงแล้วสื่อความหมายกับเรา

แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอรหันต์ที่นิพพานไปแล้ว สอุปาทิเสสนิพพานกับอนุปาทิเสสนิพพาน นิพพานคือว่าดับ ดับธาตุ ๔ และขันธ์ ๕ ทิ้งหมดเลย ดูสิ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นไหม ในทานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีคุณอยู่ ๒ หน คราวหนึ่งเราฉันอาหารของนางสุชาดาแล้วเราถึงซึ่งกิเลสนิพพาน กิเลสนิพพาน เห็นไหม กิเลสในใจดับหมดเลย อีกคราวหนึ่งเราฉันอาหารของนายจุนทะแล้วถึงขันธนิพพาน ขันธ์ เห็นไหม ขันธ์นิพพานได้ไหม ขันธ์นิพพานไม่ได้หรอก ขันธ์เป็นความคิด ความคิดนิพพานไม่ได้ ตัวใจต่างหากเป็นตัวนิพพาน แต่อาศัยความคิดคือปัญญา ปัญญาเวลาก้าวเดิน สัพเพ ธัมมา อนัตตา สภาวธรรมเป็นอนัตตา พระพุทธเจ้าสอนสภาวธรรม สอนเหตุ แต่เวลาผลมันเกิดไปแล้ว ตัวจิตที่มันพ้นออกไปจากเหตุนั้นอันนั้นคือตัวนิพพาน ตัวนิพพานอันนั้นมันจบสิ้นไป อันนี้มันถึงยังอยู่ในร่างกายอยู่ คือว่าพระอรหันต์ที่ยังมีชีวิตกับพระอรหันต์ไม่มีชีวิต เห็นไหม นี่กรรม ถึงว่าเป็นปฏิภาณไหวพริบ ปฏิภาณไหวพริบการสร้างสมมานี่กรรมเก่า กรรมใหม่ มันมีมาทั้ง ๒ ส่วน

ส่วนหนึ่ง ดูส่วนของเรา ส่วนของเราคือร่างกายและจิตใจ ร่างกายเป็นส่วนของธาตุในปัจจุบัน แต่หัวใจนี่มันมีกรรมเก่า กรรมใหม่ มันสะสมมาแล้วมันมาปฏิสนธิในครรภ์ของมารดา แล้วเกิดมานี่ กรรมเก่ามีคือจริตนิสัยของเขา คือสิ่งที่เขาสร้างสมของเขามา กรรมใหม่คือกรรมปัจจุบันนี่ กรรมใหม่คือกรรมที่เราอยู่ในโลกชีวิตนี่ โลกความเป็นจริง นี่กรรมใหม่

แล้วกรรมใหม่มันก็มีสิ่งที่นอนเนื่องมา กรรมเก่ามันมีส่วนสัมพันธ์กันมา พอถึงที่สุด ดูสิ เวลาพระโมคคัลลานะ เห็นไหม เป็นพระอรหันต์ทำไมต้องให้เขาทุบตายล่ะ เพราะทำกับแม่ไว้ ทำกับแม่ไว้แล้วมันส่งผลมา ส่งผลมา ขนาดเป็นพระอรหันต์แล้วนะ เศษของกรรมมันยังทำได้ขนาดนั้นนะ ถ้าเศษของกรรมนะ สภาวะแบบนั้น เห็นไหม เพราะสร้างสมมาถึงว่าเป็นปฏิภาณไหวพริบ เป็นเชาว์ปัญญา

พระอรหันต์แต่ละประเภทต่างๆ กันไป แม้แต่สิ้นกิเลสแล้วยังมีพระอรหันต์ต่างๆ กันไป แต่นี่เราเข้าใจสภาวะแบบนี้แล้ว เราถึงบอกว่า นี่เห็นไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพูดไว้น่าฟังมากนะ “สิ่งใดทำแล้วเสียใจภายหลัง สิ่งนั้นไม่ดีเลย” แต่ขณะที่เราทำอยู่นี่ เราไม่มีสติสัมปชัญญะยับยั้งตรงนี้ไง

ถ้ามีสติสัมปชัญญะยับยั้งตรงนี้ เห็นไหมดูสิ เวลาเราบอกเมตตาตน เมตตาตน เห็นไหม เมตตาด้วยการดำรงชีวิต ให้สุขภาพแข็งแรง เมตตาหัวใจไง เมตตาหัวใจ กิเลสมันเหยียบย่ำหัวใจเรานี่ เมตตาร่างกาย เราหาอาหารมาปรนเปรอมัน หนาวเราก็หาผ้าห่ม เวลามันเจ็บไข้ได้ป่วยเราก็รักษามัน เพราะเรือลำนี้เราจะพามันเข้าถึงฝั่งให้ได้ เรือลำนี้คือร่างกายนี้จะพาหัวใจเข้าฝั่ง หัวใจนี้มันเป็นของเรา เรือลำนี้เราต้องทิ้งมันไว้กับโลกนี้ เรือลำนี้มันต้องพาเราเข้าฝั่ง แต่หัวใจจะพาเรือลำนี้เข้าฝั่งได้ไหม

ถ้าหัวใจจะพาเรือนี้เข้าฝั่ง เห็นไหม ต้องมีธรรมะ ธรรมะศาสนธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมะมันอยู่ที่ไหน ธรรมะอยู่ที่ตู้พระไตรปิฎกเหรอ นั่นไม่ใช่ นั่นเป็นชื่อ นั่นเป็นสิ่งที่เป็นข้อมูลที่ให้เราไปศึกษา ธรรมะจริงๆ คือความรู้สึก ในหัวใจความรู้สึกสุขทุกข์เป็นธรรมะ การเกิดการตายนี่เป็นธรรมะ ธรรมะที่นี่ แล้วเราศึกษาปฏิบัติของเราขึ้นมา เห็นไหม ถ้าเรามีอันนี้ขึ้นมา

สิ่งที่เป็นกรรมปัจจุบันสำคัญมาก เพราะกรรมปัจจุบันนี้มันล้างให้อวิชชาสิ้นไปจากใจได้ ถ้ากรรมนี้ล้างกันไม่ได้ กรรมนี้แก้ไขกันไม่ได้นะ จะไม่มีพระอริยบุคคลในโลกนี้ พระอริยบุคคลในโลกนี้มาจากไหน เพราะอะไร เพราะมันตายตัวไง กรรมมันตายตัวมาแล้ว เกิดมาแล้วโดยอวิชชามันต้องอยู่กับอวิชชาตลอดไปสิ แล้วทำไมอวิชชามันพลิกฟ้าคว่ำดิน พลิกออกจากใจไปได้ล่ะ พลิกออกจากใจไปได้ แล้วพลิกออกด้วยวิธีการใด

พลิกด้วยมรรคญาณ มรรคญาณเกิดขึ้นมาอย่างไร มรรคเกิดจากสัมมาอาชีวะนั่นมันเป็นเรื่องมรรคของคฤหัสถ์เขา มรรคของเรา เห็นไหม สัมมาอาชีวะเลี้ยงชีพชอบ เลี้ยงหัวใจชอบ ความคิดชอบ ปัญญาชอบ มิจฉามรรค สัมมามรรค พอสัมมามรรคขึ้นมานี่ มันก็จะเลี้ยงชอบ ชอบ ชอบ เข้ามา เห็นไหม ชอบเข้ามามันก็เป็นสัมมาทิฐิ มันก็เป็นชอบขึ้นมาเห็นหมด เป็นไปได้หมด มรรคญาณหมุนเข้าไปหมด ธรรมจักรเข้าไปหมด มรรคสามัคคีรวมกันลงเข้าไปที่หัวใจแล้วทำลายหัวใจ เห็นไหม

นี่กรรมอันนี้ กรรมที่เราสร้างขึ้นในกรรมปัจจุบัน ปัจจุบันเพราะอะไร เพราะเราคิดเป็นอดีตเป็นอนาคตไปแล้ว พอความคิดนี่มโนกรรม มโนกรรมออกมานี่ความคิดเห็นไหม แล้วการกระทำมันอนาคตแล้ว ขณะที่เราพูดอยู่นี่เป็นอดีต-อนาคตแล้ว ฆ่ากิเลสไม่ได้

ฆ่ากิเลสในปัจจุบันเดี๋ยวนั้น ฐีติจิต จิตเดี๋ยวนั้น เกิดเดี๋ยวนั้น ดับเดี๋ยวนั้นที่จิต แล้วย้อนกลับไปทำลายกันที่จิต นี่คือมรรคญาณ มรรคญาณทำลายขณะนั้นนะ แล้วทำลายชัดเจนมาก ทำลายชัดเจน ถ้าไม่ชัดเจนคนที่ทำต้องสงสัยก่อน หรือจะเป็นอย่างนั้น น่าจะเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้ จะเป็นอย่างนั้น เห็นไหม ผิดหมดเลย! มันเป็นเป็นเดี๋ยวนั้น เป็นเองเดี๋ยวนั้น พลิกฟ้าคว่ำดินเดี๋ยวนั้น สรุปกันที่นั้น เห็นไหม

นี่กรรมปัจจุบันสำคัญมาก ถ้ากรรมปัจจุบันสำคัญมาก สิ่งที่สร้างขึ้นมาแล้วมันก็คือสร้างมาแล้ว เห็นไหม สิ่งที่สร้างมาแล้วเราก็ต้องแก้ไขกันไป เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมานี่ เราไม่สามารถไปแก้ประวัติศาสตร์ได้ เราไม่สามารถไปแก้สิ่งที่ผ่านมาแล้วได้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้แก้ในปัจจุบัน ถ้าเราแก้ในปัจจุบันนี้ เราทำที่ปัจจุบันนี้ แล้วผลที่เกิดขึ้นมา เห็นไหม มันสุดความสามารถไง

สิ่งที่อยู่ในวิสัยกับสิ่งที่สุดวิสัย สิ่งที่ในวิสัยของเราเราต้องแก้ไข สิ่งที่สุดวิสัย เห็นไหม ก็อุเบกขา อุเบกขาทำใจของเรา มันเป็นอย่างนี้เอง มันเป็นอย่างนี้เอง เราต้องยอมรับอย่างนี้ สิ่งที่สุดวิสัยเราทำไม่ได้ สรรพสิ่งของเรา ความคิดของเรา ตัวของเรา การกระทำของเรา มันอยู่ในวิสัยของเรา เราต้องทำได้ และทำให้มันถูกต้องดีงามขึ้นมา มันจะเป็นสมบัติของเรา เอวัง